สำนักงานกฎหมาย ตถาตา

คำสั่งขอคุ้มครองชั่วคราวเกี่ยวด้วยดอกผลของสินสมรส

คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้จำเลยที่ 1 ทำบัญชีดอกผลรายได้จากผลผลิตเป็นรายเดือน แล้วนำเงินรายได้จากผลผลิตที่จะได้รับจำนวนกึ่งหนึ่งของทั้งหมดมาวางศาลเป็นรายเดือน เป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยดอกผลของทรัพย์ที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง หากโจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการแบ่งดอกผลของทรัพย์ที่พิพาทดังกล่าวซึ่งเป็นส่วนของสินสมรสเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10361/2557

โจทก์ฟ้องขอหย่าขาดจากจำเลยที่ 1 และขอให้พิพากษาแบ่งสินสมรสแก่โจทก์กึ่งหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแบ่งสินสมรสที่ดินสวนยางพาราพิพาทเนื้อที่ 60 ไร่ และที่ดินสวนปาล์มน้ำมันพิพาทเนื้อที่ 15 ไร่ แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ระหว่างพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 8 โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราว และศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ทำบัญชีดอกผลรายได้จากผลผลิตในที่ดินพิพาทเป็นรายเดือน แล้วนำเงินรายได้จากผลผลิตที่จะได้รับจำนวนกึ่งหนึ่งของทั้งหมดมาวางศาลเป็นรายเดือน นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 จนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น จึงเป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยดอกผลของทรัพย์พิพาท ตาม ป.พ.พ. มาตรา 148 วรรคหนึ่ง ซึ่งในที่สุดหากโจทก์ชนะคดีโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับแบ่งดอกผลของทรัพย์ที่พิพาทดังกล่าวซึ่งเป็นสินสมรสได้ คำสั่งคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวจึงหาเกินกว่าคำขอในคำฟ้อง อันเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นไม่

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาบังคับจำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ ให้จำเลยที่ 1 แบ่งสินสมรสกึ่งหนึ่งแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าทดแทน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่มีคำพิพากษาจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้นายอดิศักดิ์และเด็กชายชลสิทธิ์ บุตรผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์ ให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรทั้งสอง คนละ 5,000 บาท ต่อเดือน จนกว่าจะบรรลุนิติภาวะแก่โจทก์

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์หย่าขาดจากจำเลยที่ 1 ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ คือ นายอดิศักดิ์และเด็กชายชลสิทธิ์ แต่เพียงผู้เดียว ให้จำเลยที่ 1 แบ่งสินสมรสที่ดินสวนยางพาราพิพาทเนื้อที่ 60 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านพักเลขที่ 139/2 หมู่ที่ 2 ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ดินสวนปาล์มน้ำมันพิพาทเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ หมู่ที่ 2 ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน กจ 9725 สุราษฎร์ธานี 1 คัน แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง หากจำเลยที่ 1 ไม่ยอมแบ่งหรือแบ่งไม่ได้ให้แจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีนำสินสมรสดังกล่าวออกขายทอดตลาดแล้วนำเงินที่ได้แบ่งให้โจทก์กึ่งหนึ่ง กับให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าอุปการะค่าเลี้ยงดูนายอดิศักดิ์และเด็กชายชลสิทธิ์ บุตรผู้เยาว์ทั้งสองคนละ 5,000 บาท ต่อเดือน และให้จำเลยที่ 2 ชำระค่าทดแทนแก่โจทก์ 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยที่ 2 จะชำระแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ระหว่างพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 8 โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราว

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว มีคำสั่งว่า กรณีมีเหตุคุ้มครองชั่วคราวให้จำเลยที่ 1 ทำบัญชีดอกผลรายได้จากผลผลิตเป็นรายเดือน แล้วนำเงินรายได้จากผลผลิตที่จะได้รับจำนวนกึ่งหนึ่งของทั้งหมดมาวางศาลเป็นรายเดือน ตั้งแต่วันที่จำเลยที่ 1 ฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 จนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า มีเหตุที่จะคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวให้แก่โจทก์ระหว่างการพิจารณาคดีชั้นอุทธรณ์ตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 หรือไม่ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้เสียหายและการยื่นคำขอของโจทก์เป็นการขอคุ้มครองประโยชน์เกินกว่าคำขอในคำฟ้องเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นและมิใช่เพื่อบังคับตามคำพิพากษา ขอให้ศาลฎีกายกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 8 นั้น เห็นว่า คดีนี้นอกจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์หย่าขาดจากจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ยังฟ้องขอให้พิพากษาแบ่งสินสมรสแก่โจทก์กึ่งหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 แบ่งสินสมรสที่ดินสวนยางพาราพิพาทเนื้อที่ 60 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านพักเลขที่ 139/2 หมู่ที่ 2 ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ดินสวนปาล์มน้ำมันพิพาทเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ หมู่ที่ 2 ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง เช่นนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ทำบัญชีดอกผลรายได้จากผลผลิตในที่ดินพิพาทเป็นรายเดือน แล้วนำเงินรายได้จากผลผลิตที่จะได้รับจำนวนกึ่งหนึ่งของทั้งหมดมาวางศาลเป็นรายเดือน ตั้งแต่วันที่จำเลยที่ 1 ฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น จึงเป็นคำสั่งเกี่ยวด้วยดอกผลของทรัพย์ที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง ซึ่งในที่สุดหากโจทก์ชนะคดี โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการแบ่งดอกผลของทรัพย์ที่พิพาทดังกล่าวซึ่งเป็นส่วนของสินสมรสเช่นกัน กรณีจึงอาจทำให้โจทก์เสียหายได้หากศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่มีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวระหว่างพิจารณา และหาใช่เป็นคำสั่งคุ้มครองประโยชน์เกินกว่าคำขอในคำฟ้องอันเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็นและมิใช่เพื่อบังคับตามคำพิพากษาดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกาอ้างไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้คุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 มานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

ฎีกาอื่นที่เกี่ยวข้องแยกตามกฎหมายและมาตรา

ป.วิ.พ. ม. 264 วรรคหนึ่ง, ม. 142 วรรคหนึ่ง

ป.พ.พ. ม. 148 วรรคหนึ่ง, ม. 1533

สำนักงานกฎหมาย ตถาตา
064-664-6789
02-148-5546
LAWYERNOOM@HOTMAIL.COM
เลขที่ 61/45-46 หมู่ที่ 6 ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12150
นโยบายความเป็นส่วนตัว

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า